กระบองเพชร ตะบองเพชร
credit: imgrum.org
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับกระบองเพชรกันก่อนดีกว่า “กระบองเพชร” เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อยู่ในทะเลทราย ต้นกระบองเพชรสามารถยืนต้นอยู่ได้ แม้อยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารไม่มีน้ำเพียงสักหนึ่งหยดก็ไม่ตาย เนื่องจากว่าเจ้าต้นกระบองเพชรสามารถเก็บน้ำไว้ในลำต้นได้เป็นจำนวนมาก และเปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำ ดังนั้นมันจึงสามารถอยู่ในทะเลทรายได้อย่างสบายๆ นอกจากนี้นะ กระบองเพชรยังมีสรรพคุณทางสมุนไพรอีกด้วย คือมันสามารถใช้บรรเทาโรคบิดได้ อีกทั้งสารสกัดจากกระบองเพชรยังช่วยลดอาการเมาค้างได้อีกด้วย
การเลี้ยงและดูแลกระบองเพชรก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่เลี้ยง ๆ แล้วตาย นั่นเป็นเพราะดูแลเขาอย่างผิดวิธีนั่นเอง ธรรมชาติของกระบองเพชรส่วนใหญ่เกิดในทะเลทราย ที่โดนแสงแดดจัดทั้งวัน

การเลี้ยงและดูแลกระบองเพชรก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่เลี้ยง ๆ แล้วตาย นั่นเป็นเพราะดูแลเขาอย่างผิดวิธีนั่นเอง ธรรมชาติของกระบองเพชรส่วนใหญ่เกิดในทะเลทราย ที่โดนแสงแดดจัดทั้งวัน
การเลี้ยงและดูแล
ในบ้านเรา ถ้าเราไปซื้อกระบองเพชรจากร้านค้ามา ในการเลี้ยงดูของฟาร์มแต่ละฟาร์มนั้น ส่วนมากเขาจะเลี้ยงกันในโรงเรือนแบบปิด มีหลังคาเป็นหลังคาโปร่งแสงเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน แต่จะกันน้ำกันฝนที่ตกลงมาเพียงเท่านั้นเอง การรดน้ำ ก็จะทำการรด 3-5 วันต่อครั้ง ดังนั้น เวลาที่เราไปซื้อหามาแล้วเอาพวกเขาไปตั้งบนโต๊ะทำงาน ห้องรับแขก โดยทันที แบบนี้ สักพักก็เตรียมเงินไว้ซื้อใหม่ได้เลยค่ะ เพราะพวกเขาจะค่อย ๆ ตายไปแบบที่คุณเองก็ไม่รู้ตัว
สถานที่ปลูกเลี้ยง
การดูแลให้พวกเขางดงาม สวยเหมือนตอนที่ซื้อมา ที่ควรทำก็ต้องทำการเลี้ยงดูให้เหมือนกับฟาร์มนั่นแหละค่ะ เป็นโรงเรือนหลังคาใส แต่ว่าจะให้ทำแบบนั้นก็คงลำบากจนเกินไป ดังนั้น เราก็ต้องค่อย ๆ ให้พวกเขาปรับตัวทีละนิด เช่น วางพวกเขาไว้ที่ระเบียงที่โดนแดดเกือบทั้งวัน สำหรับคนที่พักอยู่ตามหอพัก ห้องพัก อพาร์ทเม้นท์ หรือคอนโด ที่หันหน้ารับกับแสงพระอาทิตย์เต็มๆก็คงโชคดีหน่อย แต่ถ้าไม่มีแสงแดดเลย ก็ไม่ควรซื้อพวกเขามาเลี้ยงเลยนะคะ ตายเสียเปล่า ๆ
credit: secretspacethai.com
สำหรับคนที่อยู่บ้านมีสนามมีพื้นที่ที่โดนแดดจัดทั้งวัน ก็จะดีมาก สามารถเอาพวกเขาไปตากแดดได้เต็มวันเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าฝน ก็หาขวดพลาสติกใสมาตัดด้านก้นขวดออก แล้วครอบต้นแคคตัสไว้เป็นต้น ๆ เลยก็จะป้องกันน้ำฝนได้ดีค่ะ ด้านปากขวดไม่ต้องปิดฝานะ อากาศจะได้ระบายถ่ายเทได้ แต่ถ้ามีหลายๆ ต้น ก็ทำหลังคาใสมาบังไว้เลยก็จะดีมากค่ะ
กรณีที่อยากเอามาวางประดับบนโต๊ะบ้าง ก็ยังสามารถทำได้นะคะ ก็คือเลี้ยงสักหลาย ๆ ต้นหน่อย แล้วเวียนเอาพวกเขามาตั้งประดับสัก 2-3 วัน แล้วก็เอาออกไปเปลี่ยนคืนนั่นเอง การทำแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะดีนะคะ แค่สามารถยืดชีวิตพวกเขาไปได้นานขึ้นก็เท่านั้นเอง นาน ๆ ไป ก็อาจจะแคระแกรนได้เช่นกันค่ะ แสงแดดจำเป็นต่อชีวิตพวกเขามาก เป็นพันธุ์หนาม หนามก็จะยาวสวยงาม เป็นพันธุ์ขนขาวปุย ก็จะขาวหนานุ่มสวยงามเช่นกัน
credit: secretspacethai.comการดูแลรดน้ำ
มาว่าถึงอีกเรื่องที่สำคัญก็คือ การให้น้ำ แคคตัสเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำมาก ให้น้ำมากคือการฆ่าพวกเขาให้ตายนั่นเอง การเอาตัวรอดในเรื่องน้ำ พวกเขาพัฒนามาเป็นล้าน ๆ ปีแล้ว นั่นคือลำต้นที่อวบอิ่มเก็บกักน้ำไว้ภายในนั่นเอง
ให้สังเกตดินปลูกเลี้ยงว่าแห้งแล้วหรือยัง ถ้าแห้งแล้วก็ให้ใช้ฝักบัวรดให้ชุ่ม ส่วนระยะเวลาห่างในการรดน้ำ สังเกตุง่าย ๆ หลังจากที่เรารดน้ำไปวันแรก ให้เช็คดูว่า อีกกี่วันดินถึงจะแห้ง เมื่อดินแห้งแล้วให้เว้นไปอีก 1 วัน แล้วค่อยรดน้ำใหม่ โดยให้ปล่อยดินได้แห้งบ้าง ไม่ใช่ชุ่มฉ่ำเปียกอยู่ตลอดเวลา ขนาดของกระถางเล็ก กระถางใหญ่ ก็มีผลกับระยะในการแห้งของดิน โดยเฉลี่ยแล้วจะรดประมาณ 4-5 วันครั้ง ถ้าเป็นไม้ต่อที่ต้องการน้ำมากหน่อย ก็จะรดวันเว้นวัน ถ้าเป็นกลุ่มฮาโวเทียจะรดพร้อมกับแคคตัส แต่จะสเปรย์น้ำให้วันเว้นวัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์อีกต่างหากค่ะ
credit: jr-rsu.net
credit: jr-rsu.netการใส่ปุ๋ย
เราสามารถใช้ปุ๋ยกล้วยไม้ให้กับกระบองเพชรได้ แต่ควรใช้ในปริมาณที่ต่ำกว่าฉลากข้างขวดระบุไว้ ไม่ควรให้ปุ๋ยกับกระบองเพชรในปริมาณมาก เพราะอาจเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี
วิธีให้ปุ๋ยให้ได้ผลดีคือ ผสมให้เจือจางกว่าปกติ แต่รดให้บ่อยกว่าปกติ ใช้ปุ๋ยกล้วยไม้ 1 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร รดทุก ๆ 2 สัปดาห์ก็พอค่ะ
การให้ปุ๋ยแก่ต้นไม้ทุกชนิด ควรเริ่มให้เมื่อต้นไม้สามารถตั้งตัวได้ดีแล้ว ระบบรากเดินดีพร้อมที่จะกินอาหารได้ เวลาที่เราเปลี่ยนกระถางใหม่ ๆ ควรงดปุ๋ยไปจนกว่ายอดของต้นจะเริ่มเดิน นั่นหมายถึงสัญญานว่า ระบบรากเริ่มทำงานแล้ว การรักษาระยะเวลาให้สม่ำเสมอในการให้ปุ๋ย จึงเป็นสิ่งควรยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติ เพื่อสุขภาพที่ดีของกระบองเพชรค่ะ
ส่วนยาฆ่าแมลงหรือยาป้องกันเชื้อราต่าง ๆ ผสมน้ำรดทุก ๆ 2-3 เดือน ต่อ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว
การปลูกหรือเปลี่ยนกระถาง
credit: ugaoo.com
การเปลี่ยนกระถางจะกระทำเมื่อต้นโตคับกระถางเก่า แต่อย่าลืมว่าต้องใช้ดินปลูกโดยเฉพาะเท่านั้น จะซื้อแบบที่เป็นถุงสำเร็จรูปสำหรับปลูกกระบองเพชรโดยเฉพาะ หรือจะผสมเองก็แล้วแต่เลย สูตรสำหรับดินก็มีให้เลือกหลากหลายมากมายอยู่เหมือนกันค่ะ สำหรับส่วนประกอบหลักที่เราจะผสมลงไปก็ได้แก่
เนื้อดิน เช่น ดินขุยไผ่ ดินใบก้ามปู ดินที่ผสมใบไม้หมักต่าง ๆ แกลบ ขุยมะพร้าว พีทมอส หรือ มูลสัตว์ต่าง ๆ
วัสดุที่ช่วยเพิ่มความโปร่งให้ดิน เช่น เพอร์ไลท์ (Perlite) หินภูเขาไฟ (Pumice) เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite) กรวดแม่น้ำ มะพร้าวสับ ถ่าน
สารเคมีต่าง ๆ เช่น ปุ๋ยละลายช้า ยาฆ่าแมลงแบบเกร็ด (สตาร์เกิ้ลจี ฟูราดาน) ยาฆ่าเชื้อรา
ส่วนประกอบหลัก 3 ส่วนนี้ ควรจะเลือกชนิดที่นำมาผสม ให้เข้ากับความสะดวกในการซื้อหา และให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่นั้น ๆ
ในการผสมดินนั้น เราควรคำนึงถึงความสะอาดของดิน เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา หรือเชื้อโรคต่าง ๆในวัสดุที่เราจะนำมาผสม เราควรทำความสะอาด หรือ ตากแดดไว้สัก 3–5 วัน ก่อนที่จะนำมาผสม ส่วนประกอบที่จะนำมาผสม มีธาตุอาหารเพียงพอหรือไม่ ดินมีความโปร่งพอหรือไม่ ดินโปร่งจะทำให้ดินแห้งไว น้ำสามารถซึมผ่านไปได้ทั้งกระถาง ตามธรรมชาติของแคคตัสแล้ว ไม่ได้ต้องการเนื้อดินเยอะ ควรเน้นไปที่วัสดุที่ช่วยความโปร่งให้ดิน แล้วใส่ดินไปประมาณ ¼ ก็เพียงพอแล้ว ข้อสำคัญ หลังจากที่ผสมดินเสร็จแล้ว ควรรดน้ำให้ชุ่ม และตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ เราจะได้ดินที่สะอาดและไม่มีความร้อน จากการย่อยสลายตัวของอินทรีย์สารในดิน
ส่วนสูตรดิน มีหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับวัสดุด้วยค่ะ ในที่นี้ ขอใช้สูตรของ Jibi Cactus ค่ะ อีกเรื่องที่สำคัญคือ ขนาดของกระถางต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของ กระบองเพชร / แคคตัส ไม่เล็กและใหญ่จนเกินไปด้วยค่ะ
- ดินร่วน 1 ถ้วย
- ทรายหยาบ 1 ถ้วย
- พีทมอส 1 ถ้วย
- หินภูเขาไฟ 1 ถ้วย
- เพอร์ไลท์ 1 ถ้วย
- แกลบดำ ½ ถ้วย
ส่วนวัสดุที่นำมาโรยหน้าดิน ให้เลือกหินที่ไม่คมหรือแหลมเกินไปจนทำให้บาดต้น สีสันให้เข้ากับธรรมชาติ การโรยหน้าดินช่วยป้องกันไม่ได้เศษดินดำ ๆ กระเด็นไปโดนปุยขาว ๆ หรือเลอะโคนต้น เพียงเท่านี้ก็ทำให้แคคตัสของเราดูสวยขึ้นแล้
credit: ugaoo.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น